Previous Page  24 / 44 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 24 / 44 Next Page
Page Background

วากันวา

“องคกรเปนสิ่งมีชีวิต”

มีการเกิด มี

การเจริญเติบโต มีการจากไป ถือเปนเรื่องปกติ

ของวัฏจักรการมีชีวิตอยูของสิ่งมีชีวิต “องคกร

แห งการเรียนรู ” หรือน าจะ เรียกอีกอย างว า

“องคกรที่มีการเรียนรู” ทั้งนี้ เปนเพราะหากเรา

ตองการใหชีวิตขององคกรเรามีการเติบโต และ

ประสบผลสำ เร็จอย างยั่งยืนแล ว สมาชิกใน

องคกรตองมีการเรียนรูทุกอยางจากกันและกัน

การเรียนรูซึ่งกันและกัน ฟงดูเหมือนเปนเรื่องธรรมดา

(Common Sense) แตถามหนอยเถอะวาทำกันไดหรือเปลา

เพราะมันเปนธรรมดาที่ไมธรรมดา หรือ ไมใชสิ่งที่เปนขอ

ปฏิบัติกันโดยทั่วไป (Common Practice) ของหลาย ๆ คน

และหลาย ๆ องคกรเอาเสียเลย หากเราไมมีความตั้งใจจริง

(Commitment) ที่จะทำ

เรามาเรียนรู ลงมือทำเพื่อตอยอดใหกันและกัน กันเถอะ

อันดับแรก :

รูจักพูดจากัน หัดฟงผูอื่น

ในบานหลังหนึ่งหรือในองคกร ๆ หนึ่ง หาก

การพูดคุยกัน

การติดตอสื่อสาร

การมีปฏิสัมพันธของคนในบาน ยังไมมี

ประสิทธิภาพเพียงพอ พูดคุยกันไมกี่คำ นับคำได คนในบานไม

อยากพูดไมอยากเสวนากัน อยูกันแบบหางเหิน แบบตัวใคร

ตัวมัน ตางคนตางคิด มีความไวเนื้อเชื่อใจ (Trust) ของผูคนใน

บานอยูในระดับต่ำ สิ่งเหลานี้เปนสัญญาณอันตรายตอสุขภาพ

ขององคกร เพราะฉะนั้น ควรทำอยางไรดี ??

คำตอบงาย ๆ คือ การเรียนรูวิธีการพูดจากัน ฟงกันให

มากขึ้น สะทอนความรูสึกนึกคิดซึ่งกันและกัน และขณะที่

สนทนากัน ตองไมรีบดวนสรุปในสิ่งที่ไดยินไดฟง ถาคนใน

องคกรหมั่นฝกฝนอยางนี้อยูตลอดเวลาที่มีการพูดคุยกัน ไมวา

จะคุยกันในกลุมเล็ก ๆ หรือกลุมใหญ ๆ หรือคุยกันในที่ประชุม

ก็จะทำใหสมาชิกในองคกรมีความเขาใจซึ่งกันและกันในระดับลึก

และการพูดคุยกันจะมีความหมายตอกันมากยิ่งขึ้นเทานี้ก็จะ

สงผลใหบรรยากาศในที่ทำงานนาอยู นาทำงานมากขึ้นกอใหเกิด

ความรวมมือรวมใจ ทุมเทในการทำงาน เพื่อใหได Results

อยางที่เราตองการรวมกัน

อันดับสอง :

เรียนรูและเขาใจความคิดของกันและกัน

ในบานหลังเดียวกัน ถาสมาชิกมี

การเรียนรูและเขาใจถึง

กรอบความคิด

(Mental Models) ของตัวเอง ของเพื่อนรวมงาน

ของเจานาย หรือ ของลูกนอง ตลอดจนเขาใจกรอบความคิด

ของลูกคา คูคา และผูเกี่ยวของในทุกสวน วาเพราะอะไร เพราะ

เหตุใด และทำไมแตละคนถึงมีความคิดเชนนั้น โดยการถามไถ

ก็จะทำใหเราไดเขาใจความคิดของตนเองและของผูอื่นไดดีขึ้น

ทำใหเกิดความเขาใจกันไดมากขึ้น สงผลใหเราสามารถปรับ

เปลี่ยนความคิดของเราใหสามารถคิดนอกกรอบได (Paradigm

Shift) และที่สำคัญคือ เราจะรูตัวเองอยูตลอดเวลาวาการที่