

คนที่สำคัญหมด เราจะชวยเหลือ เรียนรูจากกันและกัน เราจะ
ขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไมได มีการแลกเปลี่ยน (Share) สิ่งที่
ทำสำเร็จ สิ่งที่ผิดพลาด โดยไมมีการแทงกั๊ก มีแตความบริสุทธิ์
ใจ โดยในใจยึดมั่นวาเรากำลังทำเพื่อสิ่งที่เราตองการรวมกัน
ไมเห็นแกตัว ไมปดบังซอนเรน และยึดกรอบความคิดแบบ
ชนะ - ชนะ (Think win - win) วา ถาเพื่อนได เราก็ได ถา
องคกรได เราก็ได ทำไดอยางนี้การเรียนรูก็จะเกิดขึ้นในทีม
อันดับสุดทาย :
สิ่งหนึ่งตองกระทบอีกสิ่งหนึ่งเสมอ
ยุคนี้ สมาชิกในทีมตองมี
การเรียนรูในการมองภาพใหญ
ใหเปน
ตองมองใหออก
อยามองแตหนาตักตัวเอง
และมองให
เห็นความเชื่อมโยงของความสัมพันธของสิ่งตาง ๆ วาเมื่อเกิด
สิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้น หรือเมื่อมีการกระทำใด ๆ เกิดขึ้น ยอมสงผล
กระทบตอสวนอื่น ๆ เสมอ เราเรียกวา Systems Thinking
การเรียนรูที่กลาวมาจะเกิดขึ้นไดก็ตอเมื่อในองคกรมีสภาพ
แวดลอมที่เอื้อตอการเรียนรู เชน มีการพูดจากันแบบเปดเผย
มีบรรยากาศที่เปดกวาง (Openness) พรอมที่จะรับฟงความคิด
เห็นของผูอื่น มีความเคารพซึ่งกันและกัน (Mutual Respect)
มีความยึดมั่น มุงมั่น ตอสิ่งที่ไดตกลงรวมกัน (Commitment)
มีความรูสึกปลอดภัยเมื่อตองการพูดหรือนำเสนอ (Safe to take
risk) ในสิ่งที่ไมเห็นดวย (OK to disagree) ไมมีเจานายหรือผูมี
อำนาจแบบเผด็จการ (No Dictators) และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
ตองมีความไวเนื้อเชื่อใจ (Trust) ซึ่งกันและกัน เหลานี้เปนตน
แนวความคิดดังกลาวขางตนเปนของ Dr. Peter M.
Senge ผูเขียนหนังสือ The Fifth Discipline ซึ่งหากเราไดใช
ความพยายามในการนำแนวคิดนี้มาปฏิบัติและหลอหลอมทำให
เปนวัฒนธรรมองคกร ก็จะทำใหองคกรมีสุขภาพกายและใจที่ดี
มีการเติบโตอยางไมหยุดยั้งและยั่งยืนได ซึ่งแนนอนวาเรื่องเหลา
นี้ไมสามารถเกิดไดชั่วขามคืน ไมใชเปน Quick Fix Solution
แตสมาชิกขององคกรจะตองมีการคิด มีการปฏิสัมพันธกัน และ
ทำงานรวมกันในรูปแบบใหม (New way of thinking ,
interacting , and working together) ซึ่งนับวาเปนเรื่องที่ทาทาย
หากทำได เชื่อวาสมาชิกในองคกรสามารถปรับเปลี่ยน
ความคิดใหมีคุณภาพ (Quality of Thinking) ได และสงผล
ใหการกระทำหรือการทำงานมีคุณภาพตามมา (Quality of
Actions) เมื่อการทำงานมีคุณภาพยอมทำใหผลงานที่ออกมามี
คุณภาพดวย (Quality of Results) และแนนอนที่สุดความ
สัมพันธระหวางสมาชิกในที่ทำงานยอมมีคุณภาพตามมาดวย
เห็นไหมละ ฟง ๆ ดูแลวเหมือนจะเปน Common Sense
หากแตไมใช Common Practice เอาซะเลย
ขอมูล :
http://www.tistr.or.thโดย ดร.เกศรา รักชาติ: Ph.D.Leadership and Human Behavior
เราตองการไดผลลัพธ (Results) อยางที่
เราตองการรวมกันนั้น จำเปนตองมี
การแลกเปลี่ยน เรียนรู สิ่งที่เปน
กรอบความคิดของซึ่งกันและกัน ไมใช
ยึดถือความคิดของใครของมันเปนหลัก
อันดับสาม :
เปนคนเกงที่เปนคนดี
หากสมาชิกในบานมีการเรียนรูถึงการสรางวิสัยทัศน
สวนตัว (Personal Vision)
การสรางเปาหมายสวนตัวในการ
ทำงาน
ในแตละวัน แตละอาทิตย ไปจนถึงมีการสราง Personal
Vision เกี่ยวกับงานอาชีพที่กำลังทำอยู ใหสอดคลองหรือเปน
ไปในทิศทางเดียวกันกับวิสัยทัศนขององคกร (Corporate
Vision) ก็จะทำใหเราทำงานไดบรรลุผลอยางที่เราตองการ
จริง ๆ แตตองไมลืมที่จะยึดถือเอาคานิยมหลักขององคกร
(Corporate Values) มาถือปฏิบัติดวย การมี Personal Vision
จะทำใหเราใฝเรียน ใฝรู ทุมเท ฝกฝน พัฒนาตัวเองอยูเสมอ ๆ
เพื่อที่จะไดเปนผูเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพของตนเอง เมื่อเราเกง
และเปนคนดีไปพรอม ๆ กันจะสงผลใหเราประสบผลสำเร็จได
อยางยั่งยืน แนนอนวาองคกรหรือบานเราก็จะเติบโตอยาง
สวยงามไปในตัว
อันดับสี่ :
ตองสอดคลองกัน
สมาชิกทุกคนในบาน ตองมีการเรียนรูถึงการ
มีวิสัยทัศน
รวมกัน
(Shared Vision) ไมวาจะเปนวิสัยทัศนของทีม ของ
หนวยงาน หรือ ขององคกร เพราะวิสัยทัศนเปรียบเสมือน
เข็มทิศที่จะกำหนดวาอนาคตจะเดินไปในทิศทางใดดวยกัน
ซึ่ง Personal Vision ของสมาชิกในทีมจะตองมีสวนคลายคลึง
กัน มีความตองการเหมือน ๆ กัน และที่สำคัญ ตองสอดคลอง
กับ Corporate Vision ดวย ในจุดนี้จะทำใหเราเรียนรูวาถาเรา
ไมเริ่มตนจากการเขาใจกรอบความคิด (Mental Models)
ของตนเองและผูอื่น หรือถาเรายังไมเขาใจซึ่งกันและกัน ไมพูด
ไมฟงกัน ยึดติดกับตัวเองเปนหลัก จะทำใหไมเกิดการ Shared
Vision ได
อันดับหา :
ถาเพื่อนได เราก็ได
เราตองมีการ
เรียนรูรวมกันในทีม
(Team Learning)
สมาชิกทุกคนในทีมเรียนรูรวมกัน เพื่อที่จะทำใหวิสัยทัศนเปน
จริงได และสมาชิกในทีมจะตองมีความรูสึกวาทุกคนในทีมเปน