19 พฤษภาคม 2566

วันนี้ (19 พ.ค.66) นายสมเดช ใจสมุทร ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาชุมพร ได้มอบหมายให้หัวหน้างานและพนักงานในสังกัด เข้าร่วมพิธีถวายพวงมาลา "วันอาภากร" เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 19 พฤษภาคม เวียนมาบรรจบครบรอบ 100 ปี เพื่อน้อมรำลึกพระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ทรงวางรากฐานกิจการทหารเรือไทยให้มั่นคง กองทัพเรือจึงถวายนามพระองค์ท่านเป็น "องค์บิดาของทหารเรือไทย" โดยมีข้าราชการพลเรือน ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน มูลนิธิ และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธี ณ ศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (ศาลบน) ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร
"วันอาภากร" ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ "องค์บิดาแห่งกองทัพเรือไทย" พระองค์ทรงริเริ่มวางรากฐานกิจการทหารเรือและนำความเจริญมั่นคงและรุ่งเรือง มีสมรรถภาพสู่กองทัพเรือจนเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ทัพเรือไทยทันสมัยมีมาตรฐาน และเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับอารยะประเทศ กองทัพเรือจึงกำหนดให้ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น "วันอาภากร" ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ เพื่อเป็นการเทิดทูน เผยแพร่พระเกียรติคุณ และแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน
พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อ 19 ธันวาคม 2423 เป็นพระเจ้าลูกยาเธอองค์ที่ 1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ผู้บัญชาการทหารเรือวังหลวง ทรงเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่สำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือจากประเทศอังกฤษ ทรงมีจุดประสงค์แรงกล้าจะฝึกให้ทหารเรือไทยเดินเรือทะเลได้อย่างชาวต่างประเทศ และสามารถรบทางเรือได้ เนื่องจากอดีตประเทศไทยต้องว่าจ้างชาวต่างชาติมาเป็นผู้บังคับการเรือโดยตลอด
ภายหลัง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สำเร็จการศึกษา และเข้ารับราชการทหารเรือแล้ว พระองค์ได้แก้ไขปรับปรุงระเบียบวิธีปฏิบัติในโรงเรียนนายเรือ ทรงเป็นครูสอนนักเรียนนายเรือ และริเริ่มการใช้ ระบบการปกครองบังคับบัญชา ตามระเบียบการปกครองในเรือรบ คือแบ่งให้นักเรียนชั้นสูงบังคับบัญชาชั้นรองลงมา นอกจากนี้ยังทรงจัดเพิ่ม วิชาสำคัญสำหรับชาวเรือขึ้นเพื่อให้สำเร็จการศึกษา สามารถเดินเรือ ทางไกลในทะเลน้ำลึกได้แก่ การเดินเรือ ดาราศาสตร์ ตรีโกณมิติ อุทกศาสตร์ เรขาคณิต พีชคณิต ฯลฯ
พ.ศ.2462 พระองค์ทรงเป็นผู้บังคับการเรือ โดยนำ เรือหลวงพระร่วง จากประเทศอังกฤษ เข้ามายังกรุงเทพมหานคร นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป ที่สำคัญพระองค์ทรงเป็นหัวเรี่ยวหัวเเรงสำคัญที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงเห็นความสำคัญและโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวังเดิม ให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ เมื่อ 20 พ.ย. 2449 ทำให้กิจการทหารเรือมั่นคง (กองทัพเรือยึดวันดังกล่าวเป็น วันกองทัพเรือ)
จากที่พระองค์ทรงเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เล็งเห็นการไกล พระองค์ได้ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานที่ดินบริเวณอำเภอสัตหีบ เพื่อสร้างเป็นฐานทัพเรือ เนื่องจากทรงพิจารณาว่า อ่าวสัตหีบ เป็นอ่าวขนาดใหญ่น้ำลึกเหมาะแก่การฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโดได้ และเกาะน้อยใหญ่ที่รายล้อมรอบสามารถบังคับคลื่นลมได้ดี อีกทั้งเรือภายนอกเมื่อแล่นผ่านพื้นที่จะไม่สามารถมองเห็นฐานทัพได้
ด้านการแพทย์ ทรงศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจังและใช้เวลาหลังทรงเกษียณเสด็จไปรักษาโรคแก่ประชาชนด้วยพระองค์เอง ไม่ว่าเป็นคนไทยหรือคนจีน จนกระทั่งชาวจีนย่านสำเพ็งซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณเรียกพระองค์ท่านว่า "เตี่ย" (พ่อ) ซึ่งต่อมาทหารเรือได้เรียกพระองค์ว่า "เสด็จเตี่ย" ขณะที่คนไข้ชาวไทยมักเรียกพระองค์ว่า "หมอพร"
พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระสติปัญญา ตรากตรำในการทรงงาน ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทำให้ทรงพระประชวรโรคภายใน จึงทรงลาออกจากราชการ และต่อมาเสด็จไปประทับรักษา ณ ชายทะเลปากน้ำ จังหวัดชุมพร ทรงประชวรเป็นไข้หวัด และได้สิ้นพระชนม์ ณ หาดทรายรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2466 ในขณะที่มีพระชันษา 44 ปี
ถึงแม้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปเป็นเวลา 100 ปี แล้วก็ตาม แต่พระกรณียกิจของพระองค์ท่าน ทรงเป็นแบบอย่างของการปลูกฝังความรัก ความหวงแหนในอธิปไตยของชาติ ความกล้าหาญ และความเสียสละ เฉกเช่นบรรพบุรุษไทย โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยต้องเสียดินแดนและเงินค่าทำขวัญให้กับประเทศฝรั่งเศสในปี ร.ศ. 112 พระองค์ท่านทรงเตือนพระทัย ในเหตุการณ์สูญเสียครั้งนั้น จึงทรงให้นักเรียนนายเรือรวมทั้งพระองค์ท่านสักคำว่า "ร.ศ.112 ตราด" ไว้ที่หน้าอกทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในพระจริยวัตร และพระประวัติของพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่สถิตสถาพรในดวงใจของคนไทยทุกคนในชาติ กิจกรรมดังกล่าวยังร่วมสนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดตราสัญลักษณ์ กปภ.เพื่อใช้ในกิจกรรม จำนวน 200 ขวด
#มุ่ง-มั่น-เพื่อปวงชน-สู่ความยั่งยืน

#ด้วยความห่วงใย จาก กปภ.สาขาชุมพร

#นายสมเดช ใจสมุทร ผจก.กปภ.สาขาชุมพร 

#นายวิทยา กำนล ผช.ผจก.กปภ.สาขาชุมพร

#และทีมงานในสังกัด กปภ.สาขาชุมพร

หมายเหตุ: การประปาส่วนภูมิภาคสาขาชุมพรได้ขออนุญาตเผยแพร่ภาพเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ด้านการประชาสัมพันธ์ในเพจเท่านั้น