15 กันยายน 2557

การประปาส่วนภูมิภาคเขต 4 ร่วมกับสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 12 (สวี ชุมพร) สนองแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมตามโครงการ"กปภ.รักษ์สิ่งแวดล้อม : ปลูกป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา-อ่าวสวี" ในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2557 ณ บริเวณท่าเทียบเรือ หมู่ที่ 6 บ้านในไร่ ต.ด่านสวี อ.สวี จ.ชุมพร
นางสาวสุวิมล ผดุงธนมงคล ผู้อำนวยการการประปาส่วนภูมิภาคเขต 4ร่วมกับ นายธีรพล คงปัญญา ผู้ช่วยผู้อำนวยการการประปาส่วนภูมิภาคเขต 4 พร้อมด้วย ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาทั้ง 24 สาขา พนักงานในสังกัด และแขกผู้มีเกียรติในพื้นที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ "กปภ.รักษ์สิ่งแวดล้อม ปลูกป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา-อ่าวสวี"โดยพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้ สำหรับการจัดกิจกรรมดังกล่าว นอกจากเป็นการร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อน ด้วยการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้โกงกางกลับคืนสู่ธรรมชาติ ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้จากสถานที่จริงให้กับผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย
ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสมเกียรติ ภิริยะกากูล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 5) เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมี นางสาวสุวิมล ผดุงธนมงคล ผู้อำนวยการการประปาส่วนภูมิภาค เขต 4 กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการฯ และนายนิรันดร์ รัตนศิลา กำนันตำบลด่านสวี กล่าวให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมงานดังกล่าว พร้อมกันนี้ ได้รับเกียรติจาก นางนาตยา เสาวธารพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการ ๕ ให้เกียรติร่วมกิจกรรมปลูกป่าครั้งนี้
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วยพิธีมอบพันธุ์ไม้โกงกาง จำนวน 9,000 ต้น ให้กับตัวแทนกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ หน่วยงานจากภาครัฐ ตัวแทนนักเรียนนักศึกษา เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่กว่า 13 ไร่ ในบริเวณอ่าวทุ่งคา-อ่าวสวีซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนพื้นที่ป่าโกงกางให้มากยิ่งขึ้น โดยการประปาส่วนภูมิภาคเขต 4 ได้สนับสนุนน้ำประปาดื่มได้ตราสัญลักษณ์ กปภ. จำนวนทั้งสิ้น 1,000 ขวด เพื่อให้บริการแก่ผู้เข้ากิจกรรมร่วมภายในงาน ปิดท้ายรายการเป็นกิจกรรมการแสดงดนตรีโฟล์คซองจากวงสายน้ำ Flow ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก
อนึ่ง ป่าชายเลน หรือ ป่าโกงกาง เป็นกลุ่มสังคมพืช ซึ่งขึ้นอยู่ในเขตน้ำลงต่ำสุดและน้ำขึ้นสูงสุด บริเวณชายฝั่งทะเล โดยธรรมชาติเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่รวมของพืชและสัตว์นานาชนิด แต่ในระยะหลังป่าชายเลนได้ถูกบุกรุกเพื่อประโยชน์ใช้สอยกันมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความเสียสมดุลทางระบบนิเวศอย่างมหาศาล เช่น การเข้าไปทำนากุ้ง การบุกรุกเข้าไปอยู่อาศัย บางแห่งถูกทำลายจนหมดสภาพป่าชายเลน สัตว์น้ำเศรษฐกิจหลายชนิดลดเหลือน้อยลงทุกขณะ จึงควรให้ความสนใจและเข้าใจถึงความสำคัญของป่าชายเลนกันให้มากขึ้น เพื่อช่วยกันปกป้องและดำรงไว้ให้มากที่สุด รวมทั้งร่วมกันปลูกเพิ่มในส่วนที่ถูกทำลายไปจะเป็นการดียิ่งขึ้น